วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

วิเคราะห์พัฒนาการทางด้านวัฒนธรรมของการตั้งถิ่นฐาน

         การที่คนมาตั้งถิ่นฐานในประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นเพราะประเทศสิงคโปร์มีขนาดเป็นเกาะเล็กๆและติดกับทะเลทำให้เดินทางได้สะดวกและสามารถทำการค้าขายกับต่างประเทศได้สะดวกเนื่องจากเวลาที่มีเรือเดินทางไปประเทศจีนก็มีโอกาสที่จะแล่นผ่านสิงคโปร์และหยุดพักจึงได้ทำการค้าขายกับสิงคโปร์ไปด้วยและด้วยความที่เป็นเกาะเล็กๆจึงทำให้สามารถหาทรัพยากรได้ง่ายและอากาศไม่ร้อนมากจนเกินไปจึงทำให้คนที่มาอยู่สิงคโปร์มีหลายเชื้อชาติและมีจำนวนมาก วัฒนธรรมในประเทศสิงคโปร์จึงมีหลากหลายแต่เพราะประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนจึงมีวัฒนธรรมส่วนใหญ่เป็นของจีนซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อต่างๆทางศาสนาแต่ถึงจะมีหลากหลายวัฒนธรรมแต่วัฒนธรรมทั้งหมดก็ผสมกลมกลืนกันได้และไม่เกิดความแตกแยกขึ้น ศาสนาที่ประชาชนนับถือก็มี ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามและศาสนาฮินดู ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับฉันคือหากฉันไปอาศัยที่ประเทศสิงคโปร์ฉันจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม สถานที่และประชาชนได้ไม่ยากและไม่ต้องปรับตัวมากและสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศอื่นๆได้ง่าย

สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม

อาคารโรงละคร Esplanade
             ถ้าออกมาจากอุโมงค์ City Link Mall แล้วเลี้ยวขวาจะเห็นอาคารรูปทรงแปลกๆ ซึ่งบางคนก็บอกว่ามันมีลักษณะเหมือนตาแมลงวัน บางคนก็บอกว่าเหมือนเปลือกทุเรียน ซึ่งอาคารแห่งนี้มีชื่อว่า Esplanade อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของงานศิลปะ การแสดงเหมือนกับ Sydney Opera House ของประเทศออสเตรเลีย โดยในทุกๆ วันจะมีรายการแสดงต่างๆ มากมายหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาให้ความบันเทิงกับนักท่องเที่ยว อาคารแห่งนี้ถูกสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2002 มี Hall เพื่อจัดการแสดงคอนเสิร์ตที่สามารถจุผู้ชมได้มากถึง 1,600 ที่นั่ง และมีโรงละครที่สามารถจุผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง บริเวณรอบๆ อาคาร จะมีโรงละครกลางแจ้ง เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะพื้นบ้านและนิทรรศการต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมฟรี ปัจจุบันด้วยรูปทรงที่แปลกตาของอาคาร Esplanade ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์นอกเหนือจาก Merlion
Clarke Quay
               ท่าเรือแห่งนี้ตั้งชื่อตามเซอร์แอนดรูว์ คลาร์ก (Sir Andrew Clarke) ผู้ว่าคนที่สองของสิงคโปร์ ท่าเรือแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าขาย ที่นี่เคยมีเรือท้องแบนจำนวนมหาศาลทำการขนส่งสินค้าทวนน้ำไปที่โกดังสินค้าใกล้ๆกับทางเข้าท่าเรือคลาร์กที่ถนนริเวอร์แวลเลย์ ซึ่งจะเห็นโรงน้ำแข็งแวมโป (Whampoa's Ice House) ซึ่งเป็นของนายฮูอาเคย์ (Hoo Ah Kay) ผู้อพยพยุคแรกจากแวมโปประเทศจีน เขาเป็นคนนำเข้าน้ำแข็งจากบอสตันในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะมีเครื่องทำน้ำแข็งในประเทศสิงคโปร์ จะสังเกตเห็นว่าพ่อค้าชาวจีนและชาวยุโรปต่างก็นำรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของตนเข้าสู่บริเวณนี้
Universal Studios Singapore
   
 Universal Studios Singapore เป็นสวนสนุกที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีเครื่องเล่น 24 ชนิดโดย 18 ชนิดเป็นเครื่องเล่นที่ออกแบบใหม่หรือดัดแปลงเพื่อที่นี่โดยเฉพาะแบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่
1.Sci-Fi City รถไฟเหาะรางคู่ที่สูงที่สุดในโลก ด้วยระดับความสูง 42.5 เมตร โดยจำลองจากซีรี่ย์ชื่อดัง Battlestar Galactica โดยผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นฝ่าย Human หรือฝ่ายวายร้าย Cylon ก่อนขึ้นไปเล่น
 2. Ancient Egypt เครื่องเล่นความเร็วสูงใน Revenge of the Mummy 
3.The Lost World ชมการแสดงโชว์ได้ที่ Water World และล่องแก่งผจญภัยในสวนไดโนเสาร์ที่ Jurassic Park Rapid Adventure และชมสวนสนุกจากบนฟ้าได้ที่ Canopy Flyer 
4. Madagascar ล่องเรือชมธรรมชาติ พบกับ 4 นักแสดงนำจากการ์ตูนเรื่อง Madagascar ได้แก่ Alex , Marty, Malman และ Gloria 
5. New York สัมผัสเมืองจำลองนิวยอร์ก การแสดง Special Effect ในโชว์ชุดพิเศษLight! Camera! Action! โดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก
6. Hollywood พบกับโรงละครสไตล์ Broadway และเหล่าดาราที่จะมาปรากฏตัวบนถนนแห่งนี้
7. Far Far Away ชมภาพยนตร์ 4 มิติ เรื่อง Shrek ได้ในโซนนี้ 

สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

เกาะพูเลา อูบิน (Pulau Ubin)
         เกาะพูเลา อูบินได้ชื่อว่าเป็นเขตแดนป่า แห่งสุดท้ายของสิงคโปร์ ชื่อนี้ได้มาจากคำว่าซูบิน (Zubin) ซึ่งหมายถึงหินแกรนิต เหมืองหินแกรนิตทำให้เกาะนี้ดูเป็นธรรมชาติที่เรียบง่าย ซึ่งแตกต่างจากความทันสมัยในเมืองโดยสิ้นเชิง ที่ปลายสุดด้านตะวันออกของพูเลา อูบินจะมีชายหาดธรรมชาติที่ชื่อ เชคจาวา ที่นี่มีสัตว์ทะเลอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างเช่น แมงดาทะเลและเหรียญทะเล (เป็นสัตว์ในตระกูลปลาดาว มีรูปร่างกลมแบน) หาดนี้มีต้นหญ้าทะเล ซึ่งเป็นบ้านของดอกไม้ทะเลแบบพรมและนกยูง มีเศษปะการังซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของฟองน้ำสีต่างๆ
เกาะเซ็นโตซ่า(Sentosa Island)
         เกาะเซ็นโตซ่าเป็นเกาะที่มีบรรยากาศตรงกันข้ามกับในตัวเมืองสิงคโปร์อย่างสิ้นเชิง เหมาะสำหรับทุกคนตั้งแต่ครอบครัว, ผู้รอบรู้ในด้านประวัติศาสตร์ไปจนถึงผู้ที่รักธรรมชาติ ในบรรดาเกาะที่รายล้อมอยู่ใกล้กับประเทศสิงคโปร์นั้นเกาะเซ็นโตซ่าถือได้ว่าเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งในปัจจุบันเกาะแห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของสิงคโปร์
ประวัติของเกาะเซ็นโตซ่า
           สมัยก่อนเกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa) นั้นมีชื่อว่าเกาะแห่งความตาย แต่เดิมเกาะแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชาวประมง และต่อมาเกิดโรคระบาด คนบนเกาะจำนวนมากจึงเสียชีวิตลงทำให้ได้มีการตั้งชื่อเกาะตามภาษามาลายูว่า บลากัง มาติ (Balakang Mati)’ ซึ่งหมายถึงเกาะแห่งความตาย ต่อมาสมัยสงครามโลก อังกฤษได้เข้ามาทำเกาะนี้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันการโจมตีทางน้ำ เมื่ออังกฤษถอนทัพไปในปี 1968 รัฐบาลสิงคโปร์จึงได้ปรับปรุงเกาะให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเปลี่ยนชื่อเกาะเป็น
เซ็นโตซ่า (Sentosa) ซึ่งหมายถึงสันติภาพและความสงบสุข และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 1972 เป็นต้นมา
สวนสัตว์กลางคืน (Night Safari)
            สวนสัตว์กลางคืนสิงคโปร์ (Night Safari) เป็นสวนสัตว์ที่สร้างด้วยเงินกว่า 60 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เริ่มเปิดเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1994 ในพื้นที่ป่าดงดิบ 40 เฮกเตอร์มีสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนมีทั้งหมด 1,200 ตัว 110 พันธุ์ พื้นที่สวนสัตว์แบ่งเป็นโซนต่างๆได้แก่ ป่าฝนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ทุ่งหญ้าสะวันน่าของประเทศแอฟริกา, หุบเขาแม่น้ำเนปาล, ที่ราบกว้างไม่มีต้นไม้ในอเมริกาใต้ และป่าพม่า ที่ศูนย์สงวนและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์มีการสาธิตการเพาะพันธุ์สัตว์หายาก เช่น เสือโคร่ง แรดอินเดีย และตัวกินมด

ระบบเศรษฐกิจ

          สิงคโปร์มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ มีพื้นที่น้อย รัฐบาลจีงต้องใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และได้มีการถมทะเลเพื่อให้ได้พื้นที่เพิ่มมากขึ้น อาชีพหลักที่ทำรายได้ให้กับสิงคโปร์คือธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม สิงคโปร์เป็นเมืองท่าใหญ่อันดับ 4 ของโลก ในแต่ละปีจะมีเรือสินค้าผ่านเข้า - ออกท่าเรือไม่ต่ำกว่า 4000 ลำ สิงคโปร์มีโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 2400แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันเป็นโรงงานที่ทันสมัย และทันสมัยและใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลิตผลจากโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ อะลูมิเนียม, มะพร้าว, ยาง, เครื่องใช้ภายในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น สิงคโปร์เป็นเมืองท่าปลอดภาษีคือม่มีการภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยจึงทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง สำหรับผลผลิตทางเกษตรนั้นไม่พอเพียงกับความต้องการของประชากรในประเทศ จึงต้องสั่งซื้อ อาหารจำพวกข้าว, ผัก ผลผลิต, เครื่องเทศจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะจากประเทศไทย



ภาษาที่ใช้

                      สิงคโปร์มีภาษาราชการถึง 4 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน, ภาษามาเลย์และภาษาทมิฬ ศิลปวัฒนธรรมก็เป็นลักษณะผสมระหว่างจีน ,มาเลเซียและอินเดีย ภาษาประจำชาติของสิงคโปร์คือภาษามาเลย์  ภาษาราชการที่ใช้กันอยู่คือภาษาจีนกลาง, ภาษาทมิฬและภาษาอังกฤษ ภาษาที่ถูกใช้บ่อยมากที่สุดคือภาษาอังกฤษ คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า, ตลาด, โรงแรม, แท็กซี่และภัตตาคารจะไม่มีปัญหาในเรื่องของภาษาที่ใช้ แต่ถ้ามีความสามารถในด้านภาษาจีนกลางหรือภาษามาเลย์ก็จะมีประโยชน์อยู่มาก

จำนวนประชากร

           สิงคโปร์มีจำนวนประชากรประมาณ 3 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่แล้วประชากรจะอยู่หนาแน่นมากคือประมาณ 4000 คน ต่อ 1 ตารางกิโลเมตร ประชากรมีหลายเชื้อชาติส่วนใหญ่เป็นชาวจีนซึ่งประมาณร้อยละ 77 ชาวมลายูประมาณร้อยละ 14 ชาวอินเดียปากีสถานร้อยละ 6 นอกจากนั้นเป็นชาวยุโรปและประเทศอื่นๆ 

ศาสนา

              สิงคโปร์นั้นไม่มีศาสนาประจำชาติซึ่งประชาชนจะแยกกันนับถือศาสนาตามเชื้อชาติของตนโดยมีศาสนาคือ ศาสนาอิสลาม, ศาสนาขงจื้อ, ศาสนาคริสต์, ศาสนาพุทธ, ศาสนาฮินดูและศาสนาเต๋า ประเพณีส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับศาสนาที่นับถือ การแต่งกายส่วนใหญ่แต่งกายแบบสากลนิยม มีบางส่วนแต่งกายตามเชื้อชาติ